💧 ถังกรองน้ำ...เรื่องเล็กที่ถ้าพลาดก็กลายเป็นเรื่องใหญ่
ถังกรองน้ำอุตสาหกรรม หากได้รับการออกแบบระบบ ป้อนน้ำเข้า, ระบบรวบรวมน้ำ และระบบล้างสารกรอง อย่างถูกหลักทางวิศวกรรมศาสตร์
พร้อมกับการดูแลตามคู่มืออย่างต่อเนื่อง ระบบผลิตน้ำจะทำงานได้อย่างราบรื่น สม่ำเสมอ และยาวนาน
แต่ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น
-
คุณภาพน้ำดิบเปลี่ยนตามฤดูกาล
-
ตะกอนสะสมมากเกินจากการ Backwash ที่ไม่ถูกวิธี
-
หรือ “ออกแบบมาไม่เผื่อ Worst Case Scenario” (ซึ่งในโลกจริง มันมักจะเกิดจริง ๆ 😅)
ทั้งหมดนี้อาจทำให้เกิดปัญหา “Backwash ไม่ออก”
น้ำที่ผลิตได้จึงไม่สะอาดเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่ระบบยังทำงานอยู่
🧰 วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและประหยัดที่สุด
บางครั้งไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนถังใหม่ หรือเรียกผู้รับเหมาให้เสียเงินล้าน
เพราะ แค่ปรับขั้นตอนการ Backwash ให้ถูกต้อง ก็ช่วยได้มากแล้ว
🔹 ขั้นตอนของการล้างย้อน (Backwash Cycle)
| ลำดับ | ชื่อขั้นตอน | วัตถุประสงค์ | รายละเอียดทางเทคนิค |
|---|---|---|---|
| 1. Backwash (Main wash) | ล้างย้อนขึ้น (Up-flow) | ขยายชั้นสารกรอง (bed expansion) เพื่อขจัดตะกอนและสิ่งอุดตัน | - ใช้น้ำไหลย้อนจากล่างขึ้นบน - ความเร็ว 20–35 m/h (ขึ้นกับชนิดสารกรอง) - Expansion 40–50% - ระยะเวลา 8–15 นาที |
| 2. Slow Rinse (Rinse down) | ล้างช้า (Down-flow rinse) | ชะล้างตะกอนที่เหลือหลัง backwash | - น้ำไหลทิศทางปกติ (บนลงล่าง) - ความเร็วต่ำ 4–6 m/h - ระยะเวลา 5–10 นาที - ใช้น้ำปริมาณน้อยกว่าขั้นตอนแรก |
| 3. Fast Rinse (Final rinse) | ล้างเร็วปิดท้าย | ฟื้นสภาพการกรองให้พร้อมใช้งาน และตรวจสอบความใสของน้ำออก (จริงๆ ก็คือทดสอบสภาพทำงานจริง ว่าถังกรองสามารถทำงานได้ตามการออกแบบรึยัง นั่นเองจ้า😚) | - น้ำไหลบนลงล่างด้วยอัตราการกรองปกติ 10–15 m/h - ใช้เวลาประมาณ 3–5 นาที หรือจนกว่าน้ำใส |
💬 เกือบทุกโรงงานมักข้ามขั้นตอนที่ 2 และ 3 ไป เพราะรีบใช้น้ำ — แต่สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับมาล้างใหม่อยู่ดี 😅
💨 เพิ่มพลัง Backwash ด้วย Air Scouring
หากล้างตามขั้นตอนแล้วยังไม่หาย แนะนำเพิ่มระบบ Air Scouring
คือการป้อน “ลมอัด” เข้าถังกรองก่อน Backwash เพื่อให้สารกรองขยับตัว
และช่วยตีตะกอนที่ติดแน่นให้ออกมาได้ง่ายขึ้น
หลังจากนั้นจึงทำขั้นตอน
Air Scour → Backwash → Slow Rinse → Fast Rinse
(ยังไงก็อย่าลืม Fast Rinse อีกทีนะ 😌)
ผลที่ได้คือชั้นสารกรองสะอาดขึ้นแบบเห็นได้ชัด
และน้ำผลิตก็ใสขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนอะไรมาก
⚙️ เรื่องที่วิศวกรต้องระวังในการออกแบบ Air Scouring
หัวใจของระบบนี้คือ “ออกแบบให้ขยับเฉพาะชั้นสารกรองประสิทธิผล (Effective bed)” เท่านั้น
เพราะนั่นคือชั้นที่ทำหน้าที่กรองจริง ๆ
ถ้าออกแบบให้แรงลมมากเกินไปจน ชั้นรอง (Supporting bed) เช่น
กรวด หรือทรายรองด้านล่าง “ขยับเต้นไปด้วย”
แปลว่าระบบ ออกแบบผิดพลาด แล้ว 😬
ผลเสียที่ตามมา:
-
ค่าใช้จ่ายในการเดินระบบสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น
-
ระบบท่อรวบรวมน้ำด้านล่างอาจเสียหายจากแรงกระแทก
-
ชั้นกรองอาจสลับชั้น (bed mixing) ทำให้คุณภาพน้ำผลิตลดลง
🧠 จำไว้เลยว่า... “ขยับพอดีคือการบำรุง แต่ขยับทุกชั้นคือการทำลาย”
💬 สรุป
-
ถังกรอง Backwash ไม่ออก ไม่ได้หมายความว่าระบบเสีย
แต่อาจแค่ “ขั้นตอนล้างไม่ครบ” -
ปรับขั้นตอนให้ถูก: Backwash → Slow Rinse → Fast Rinse
และหากจำเป็น ให้เพิ่ม Air Scouring -
วิศวกรต้องออกแบบแรงลมและอัตราการล้างให้เหมาะกับชนิดสารกรอง
เพื่อให้ทำความสะอาดได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายโครงสร้างภายในถัง
💭 “บางครั้งการแก้ปัญหาระบบน้ำ ไม่ได้อยู่ที่การเปลี่ยนของแพง แต่อยู่ที่การล้างให้สะอาด...และล้างให้จบ” 😄