Sludge Thickeners ถังทำข้นตะกอน
ถังทำข้นตะกอนก่อนเข้าสู่ระบบรีดน้ำ
1) การใช้งาน
-
ลดปริมาตรตะกอน (เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของแข็ง DS% ใน Underflow) เพื่อประหยัดขนส่งและทำให้เครื่องรีดน้ำทำงานได้อย่างเสถียร
-
แยกของแข็ง-ของเหลวเบื้องต้นให้ Overflow ใสขึ้น (ลดภาระหน่วยบำบัดถัดไป)
2) ประเภทที่ใช้บ่อย
-
Gravity Thickener (ถังกลม มีแขนกวาด/รื้อตะกอน, มี picket fence เสริมการแตกเนื้อ)
-
Lamella Thickener (แผ่นเอียงเพิ่มพื้นที่ผิวต่อพื้นที่พื้น)
-
DAF Thickener (ละลายอากาศช่วยลอยตะกอน เหมาะตะกอนเบา)
-
Gravity Belt Thickener, GBT (สายพานหนาแน่น ใช้ก่อนรีดน้ำ เพื่อลดภาระ)
Gravity Thickener (ถังกลม) มักใช้กับ ระบบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โดยเฉพาะระบบที่มีปริมาณตะกอนต่อวันมาก (ตั้งแต่หลักสิบถึงหลายร้อยลูกบาศก์เมตรต่อวัน) เช่น
-
โรงบำบัดน้ำเสียเทศบาล / ชุมชน (Municipal WWTP)
-
โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (อาหาร, เครื่องดื่ม, เคมี, เยื่อกระดาษ ฯลฯ)
-
ระบบรวมตะกอนหลายสายก่อนเข้าสู่เครื่องรีดน้ำ
เหตุผลหลักที่ใช้ในระบบใหญ่
-
ปริมาณตะกอนมาก
ถังกลมให้พื้นที่ตกตะกอน (settling area) สูงต่อพื้นที่ก่อสร้าง และระบายน้ำออกด้านบนได้ทั่ววง ทำให้รองรับ flow ได้มากกว่าถังสี่เหลี่ยมทั่วไป -
ต้องการการทำงานต่อเนื่อง
ถังกลมสามารถ ขับเคลื่อนกลไก (rake arm / picket fence) ช่วยข้นตะกอนและระบายออกอย่างสม่ำเสมอ เหมาะกับการทำงาน 24 ชม. แบบไม่มีการหยุดถ่ายบ่อย -
เหมาะกับระบบที่ต่อเนื่องไปยังเครื่องรีดน้ำ (Dewatering)
การควบคุม underflow (ตะกอนเข้มข้น) ให้มีความสม่ำเสมอช่วยให้ Belt Press, Screw Press หรือ Centrifuge ทำงานนิ่งขึ้น -
ขนาดใหญ่แต่ดูแลง่าย
โครงสร้างกลมช่วยให้แรงกระจายสมดุล (hydraulic symmetry) ไม่มีจุดมุมที่ตะกอนสะสม ทำให้บำรุงรักษาน้อยกว่าถังสี่เหลี่ยมในระยะยาว
ระบบขนาดเล็ก–กลาง (Compact System)
มักใช้ทางเลือกอื่นแทน Gravity Thickener เช่น
| ประเภท | เหมาะกับ | ลักษณะ |
|---|---|---|
| Lamella Settler | ระบบน้ำทิ้งขนาดกลาง–เล็ก | เพิ่มพื้นที่ผิวตกตะกอนในถังแนวตั้ง ใช้ footprint น้อยกว่า 3–5 เท่า |
| DAF Thickener | ตะกอนเบา เช่น จากอุตสาหกรรมอาหาร | ใช้ฟองอากาศช่วยลอยตะกอน แทนการตก |
| Gravity Belt Thickener (GBT) | ก่อน Belt Press / Screw Press | ออกแบบกะทัดรัด รีดเบื้องต้นจาก 0.5% → 4–6% DS |
| Screw Thickener / Rotary Drum Thickener | โรงงานขนาดเล็ก | ใช้พื้นที่น้อย ทำงานอัตโนมัติ 24 ชม. |
ดังนั้นขอ focus ที่ระบบขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ Gravity Thickener
3) พารามิเตอร์หลักในการออกแบบ (Gravity Thickener)
Hydraulic/Surface Overflow Rate (SOR, HLR):
-
ค่าเริ่มต้นสำหรับตะกอนชีวภาพ (WAS): 0.5–1.5 m3/m2·h
-
ตะกอนปฐมภูมิ (Primary): 1.0–2.5 m3/m2·h (ตกง่ายกว่า)
Solids Loading Rate (SLR):
-
WAS: 5–20 kg DS/m2·d (อนุรักษ์นิยมสำหรับโรงงานทั่วไป)
-
Primary: 30–100 kg DS/m2·d (ขึ้นกับการจับตัว)
Underflow Concentration (Target):
-
WAS: 2–4% DS
-
Primary: 4–8% DS
Detention Time (HRT):
-
1–4 h (ขึ้นกับการตกและการเสถียรของฟลอค)
Side Water Depth (SWD):
-
2.5–4.0 m (ถังเล็ก), 4–6 m (ถังใหญ่)
Scum Handling: เรือนำสกัม, baffle, weir overflow ปรับระดับได้
Polymer Aid (ถ้าจำเป็น):
-
1–5 kg/t DS (เริ่มด้วย jar test)
หมายเหตุ: ช่วงค่าด้านบนเป็น “ตั้งต้น” สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป ควรยืนยันด้วย Jar Test/Bench Test และข้อมูลผู้ผลิตอุปกรณ์
4) สมการที่ใช้คำนวณ
4.1 คำนวณภาระของแข็ง (Dry Solids Load):
เพราะ 1% DS ~ 10 kg/m3
4.2 ขนาดพื้นที่ถังจาก SLR จำกัด:
4.3 ตรวจทาน HLR (หรือ SOR):
ต้องไม่เกินช่วงแนะนำ
4.4 มวลสมดุลหา Underflow และ Overflow:
คำนวณจาก DS ที่ต้องการใน Underflow (C_u, kg/m3)
4.5 ปริมาตรถังจาก HRT:
4.6 ตรวจเชิงกล (แนวคิด):
กำลังมอเตอร์, แรงบิดรื้อตะกอน (torque), weir loading, scum load → ใช้ข้อมูลผู้ผลิตเพื่อเลือกชุดขับ/กวาด
5) ตัวอย่างคำนวณจริง (Gravity Thickener)
เงื่อนไข:
-
Q_in = 100 m3/d
-
DS_in = 0.8% (WAS)
-
เป้าหมาย Underflow = 4% DS
-
สมมติเลือก SLR_allow = 20 kg/m2·d (ค่อนข้างกล้าสำหรับ WAS ที่ฟลอคดี)
-
ตรวจ HLR ต้อง <= 1.0 m3/m2·h
-
HRT ตั้งต้น = 2 h
ขั้นที่ 1: คำนวณ DS_load
ขั้นที่ 2: พื้นที่จาก SLR
ขั้นที่ 3: ตรวจ HLR
ขั้นที่ 4: มวลสมดุลหา Underflow/Overflow
ขั้นที่ 5: ปริมาตรถังจาก HRT
หมายเหตุ: ปริมาตรนี้เป็นปริมาตร “ใช้งาน” สำหรับ HRT ทางไฮดรอลิกเท่านั้น
ในการออกแบบจริง ให้บวก freeboard, โซนสกัม, rake mechanism, cone/sump และ safety factor → ปกติถังจริงจะใหญ่กว่า (เช่น 50–100 m3 ขึ้นกับเส้นผ่านศูนย์กลาง/ความลึกและอุปกรณ์)
สรุปตัวอย่าง:
-
พื้นที่ถังอย่างน้อย ~40 m2
-
Q_in 100 m3/d ให้ HLR ~0.10 m3/m2·h
-
Underflow ~20 m3/d ที่ 4% DS
-
Overflow ~80 m3/d
6) แนวคิดการเลือกเส้นผ่านศูนย์กลาง (Gravity Thickener)
จากพื้นที่ที่ต้องการ:
ตัวอย่าง Area = 40 m2:
เลือกเป็นถังกลม D 7.5–8.0 m เพื่อเผื่อพื้นที่บำรุงรักษา, baffle, weir channel ฯลฯ
7) ข้อกำหนดเชิงกลและงานประกอบ
-
Mechanism: center drive หรือ peripheral drive, มี rake arm + picket fence
-
Weir loading และช่องทางน้ำล้น (launder) ให้รองรับ HLR + peak
-
Scum baffle/box, โครงสร้างรองรับ, walkway
-
Underflow cone/sump และปั๊มสูบตะกอนหนืด (progressive cavity หรือ diaphragm)
-
วัสดุ: คอนกรีต/เหล็กเคลือบ, สแตนเลสสำหรับชิ้นส่วนเปียก, FRP สำหรับชิ้นส่วนกัดกร่อน
8) การใช้ Polymer/Coagulant เสริม
-
ช่วยเพิ่ม floc strength และเพิ่ม DS ใน underflow
-
เริ่มจาก 1–5 kg/t DS (ทำ jar test หาโดสเหมาะ)
-
จุดฉีด: upstream flocculator หรือ static mixer ก่อนเข้าถัง
9) Commissioning & Control
-
วัด DS_in, DS_out (underflow), turbidity/SS ของ overflow
-
ปรับความเร็ว rake, ระดับ overflow weir, และรอบปั๊ม underflow
-
ตั้งเป้า underflow flow คงที่ (bleed) เพื่อให้เครื่องรีดน้ำ downstream ทำงานนิ่ง
10) Troubleshooting
| อาการ | สาเหตุที่พบบ่อย | แนวทางแก้ |
|---|---|---|
| Overflow ขุ่น | HLR สูงไป, ฟลอคไม่แข็ง | ลด Q_in ช่วงพีก, เพิ่มพื้นที่, เติม polymer |
| Underflow DS ต่ำ | SLR สูงไป, ปล่อยเร็วเกิน | ลดอัตราสูบออก, เพิ่มเวลาอยู่, เติม polymer |
| ตะกอนค้าง/จับตัว | แรงเฉือนต่ำเกิน, ฟลอคอ่อน | เพิ่ม picket/แรงกวนเบา ๆ, ปรับ polymer |
| สกัมมาก | อากาศผสม, สาหร่าย/ไขมัน | ติด scum baffle/box, สกรีนไขมันล่วงหน้า |
11) เช็กลิสต์ (ก่อนออกแบบจริง)
-
ยืนยันชนิดตะกอนและ DS_in (เฉลี่ย/พีก)
-
ทำ jar test: ฟลอค, polymer dose, อัตราการตก
-
กำหนด SLR_limit และ HLR_limit ที่เหมาะกับตะกอนนั้น
-
คำนวณ Area จาก SLR แล้วตรวจ HLR อีกครั้ง
-
ตั้งเป้า DS_out และคำนวณ Q_u, Q_o
-
เลือก HRT และปริมาตรถังขั้นต่ำ + ปัจจัยโครงสร้าง
-
ตรวจระบบสกัม, weir, launder, underflow pump, instrumentation
-
เผื่อ redundancy/maintenance และ safety factor