การเปลี่ยนสารกรองตาม “ระยะเวลา” เพียงอย่างเดียว (เช่น Activated Carbon 2 ปี, Resin 5 ปี) มักไม่สะท้อนสภาพการใช้งานจริง เพราะอายุการใช้งานของสารกรองขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพน้ำดิบ ปริมาณการใช้น้ำต่อวัน และประสิทธิภาพของการล้างย้อน (Backwash Efficiency)
การคำนวณรอบการเปลี่ยนสารกรองอย่างเป็นระบบจึงช่วยให้
-
ลดต้นทุนในการเปลี่ยนโดยไม่จำเป็น
-
ป้องกันปัญหาน้ำกรองไม่ถึงมาตรฐาน
-
และช่วยวางแผนการซ่อมบำรุง (Preventive Maintenance) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยหลักที่มีผลต่ออายุสารกรอง
-
คุณภาพน้ำดิบ (Raw Water Quality):
น้ำที่มีตะกอน, เหล็ก (Fe), แมงกานีส (Mn), หรืออินทรีย์สูง → ทำให้สารกรองเสื่อมเร็ว -
อัตราการไหล (Flow Rate):
ถ้าอัตราการกรองสูงเกินสเปก (Overloading) → สารกรองอัดแน่นและเกิด Channeling -
การ Backwash / Air Scouring:
หากล้างไม่ทั่วถึง → ชั้นสารกรองอุดตัน เกิดแรงดันตก (ΔP) สูง -
การฆ่าเชื้อและการดูแลระบบ (Disinfection & Cleaning):
การสะสม Biofilm หรือตะกอนอินทรีย์ทำให้ชั้นกรองเสื่อมเร็วกว่าปกติ -
สภาพอุณหภูมิและการเก็บรักษา:
โดยเฉพาะเรซิน ถ้าสัมผัสอุณหภูมิสูงหรือปล่อยให้แห้งจะเสื่อมก่อนเวลา
วิธีคำนวณรอบเปลี่ยนสารกรองแบบเชิงวิศวกรรม
1. แนวคิดพื้นฐาน
อายุสารกรองจริง (ปี) = อายุอ้างอิง × ค่าปรับตามสภาพการใช้งาน (Usage Factor)
โดยทั่วไป:
-
อายุอ้างอิง (Reference Life): มาจากคู่มือผู้ผลิต เช่น
-
Activated Carbon → 2 ปี
-
Ion Exchange Resin → 5 ปี
-
Manganese Zeolite → 4 ปี
-
-
ค่าปรับ (Usage Factor) จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้งานจริง
| เงื่อนไข | ค่าปรับ (Usage Factor) |
|---|---|
| น้ำดิบสะอาด, Backwash ดี | 1.0 |
| น้ำดิบมีตะกอนปานกลาง | 0.8 |
| น้ำดิบสกปรก / ล้างไม่ทั่วถึง | 0.6 |
| น้ำดิบมี Biofilm / Fe สูง | 0.5 |
ตัวอย่าง:
Activated Carbon อายุอ้างอิง 2 ปี
ระบบใช้น้ำที่มีตะกอนปานกลาง → Usage Factor = 0.8
อายุจริง = 2 × 0.8 = 1.6 ปี (ประมาณ 19 เดือน)
2. วิธีคำนวณจากปริมาณการใช้น้ำ (Throughput Method)
วิธีนี้ใช้กับระบบที่มีข้อมูลอัตราการใช้น้ำชัดเจน
อายุการใช้งาน (วัน) = ความสามารถในการกรองรวม (m³/kg) ÷ อัตราการใช้น้ำต่อวัน (m³/day)
เช่น Activated Carbon มีความสามารถในการกรอง 20,000 m³ ต่อการเปลี่ยน 1 ชุด
หากระบบใช้น้ำ 40 m³/วัน
อายุการใช้งาน = 20,000 ÷ 40 = 500 วัน ≈ 1.37 ปี
หากคุณมีข้อมูลปริมาณน้ำที่ผ่านจริง (จาก Flow Meter) สามารถอัปเดตค่ารอบเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์
3. การคำนวณตามค่าเสื่อมประสิทธิภาพ (Performance Degradation)
ใช้ผลการทดสอบจากห้องแล็บ เช่น
-
Activated Carbon: เมื่อค่า Iodine Number ลดลง >20% จากค่ามาตรฐาน
-
Ion Exchange Resin: เมื่อค่า Exchange Capacity ลดลงต่ำกว่า 1.6 meq/ml
-
Sand / Anthracite: เมื่อค่า Attrition Loss >10%
แนวทางการวางแผน:
เมื่อค่าประสิทธิภาพลดลง 20–30% → วางแผนเปลี่ยนในรอบ 3–6 เดือนถัดไป
ตัวอย่างสรุปรอบเปลี่ยนสารกรอง (ทั่วไปในระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรม)
| ชนิดสารกรอง | อายุอ้างอิง (ปี) | เงื่อนไขใช้งานทั่วไป | อายุแนะนำจริง |
|---|---|---|---|
| Activated Carbon | 2–3 | น้ำดิบปานกลาง–สะอาด | 1.5–2.5 ปี |
| Ion Exchange Resin | 5–7 | น้ำดิบทั่วไป | 4–6 ปี |
| Anthracite | 3–5 | ใช้ร่วมกับทรายกรอง | 2.5–4 ปี |
| Silica Sand | 10+ | อายุยาว เปลี่ยนเมื่อแตกหรืออุดตัน | 8–10 ปี |
| Manganese Zeolite | 3–5 | น้ำมี Fe/Mn ปานกลาง | 3–4 ปี |
| Zeolite | 5–8 | น้ำมีแอมโมเนียต่ำ–ปานกลาง | 4–6 ปี |
การจัดทำแผนเปลี่ยนสารกรองในโรงงาน (Practical Plan)
-
จัดทำตารางบำรุงรักษา (Maintenance Calendar)
ระบุรอบการตรวจและรอบการเปลี่ยนของแต่ละถัง -
เชื่อมข้อมูลกับ Flow Meter หรือ Log Sheet
เพื่อตรวจวัดปริมาณน้ำสะสม (Cumulative Flow) -
บันทึกค่า ΔP และคุณภาพน้ำทุกเดือน
เพื่อสร้างกราฟแสดงแนวโน้มการเสื่อมของสารกรอง -
ปรับรอบการเปลี่ยนตามข้อมูลจริง
หากน้ำมีคุณภาพดีมาก อาจขยายรอบเปลี่ยนได้ -
ทำการตรวจวัดในแล็บทุก 12 เดือน
เพื่อยืนยันอายุสารกรองเทียบกับค่ามาตรฐาน
คำแนะนำจากวิศวกร aceken
-
ใช้วิธีผสมระหว่าง “ข้อมูลภาคสนาม + ผลทดสอบแล็บ” จะให้ค่ารอบเปลี่ยนที่แม่นยำที่สุด
-
ตั้งรอบเปลี่ยนล่วงหน้าในระบบ CMMS หรือ Spreadsheet เพื่อควบคุมงบประมาณ
-
หากระบบมี Air Scouring และ Backwash ดี → สามารถยืดอายุสารกรองได้ถึง 20–30%
-
ทุกครั้งที่เปลี่ยน ควรเก็บตัวอย่างเก่ามาตรวจเทียบเพื่อพัฒนาค่ามาตรฐานภายในโรงงานเอง
สรุป
การวางแผนเปลี่ยนสารกรองอย่างมีหลักการ ไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังเพิ่มความมั่นคงของระบบกรองและคุณภาพน้ำอย่างยั่งยืน
แนวทางที่ดีคือการผสมผสานระหว่าง
-
การตรวจสภาพภาคสนาม,
-
การทดสอบในห้องแล็บ,
-
และการคำนวณรอบเปลี่ยนตามข้อมูลการใช้งานจริง
ระบบที่มีการจัดการเชิงข้อมูลเช่นนี้ จะสามารถควบคุมประสิทธิภาพการกรองได้อย่างแม่นยำ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว